การแบ่ง 4 ชั้นอาชีพ ประกันภัยอุบัติเหตุ หมายถึง การแบ่งกลุ่มอาชีพตามระดับความเสี่ยงของงาน โดยบริษัทประกันจะพิจารณาจากลักษณะงาน ว่ามีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงมากน้อยแค่ไหน เพื่อกำหนดเบี้ยประกันและความคุ้มครองที่เหมาะสม
4 ชั้นอาชีพ ประกันภัย มีอะไรบ้าง
บริษัทประกันภัยจะแบ่งอาชีพออกเป็น 4 ชั้นตามระดับความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ โดยการแบ่งชั้นอาชีพอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบริษัทประกัน เราไปดูกันดีกว่า ว่าอาชีพในแต่ละชั้น มีลักษณะงานเป็นอย่างไรและแต่ละชั้นอาชีพมีงานอะไรกันบ้าง
อาชีพชั้น 1
เป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงจากอุบัติเหตุน้อย มีลักษณะงาน ปฏิบัติงานด้านบริหารการจัดการ หรือประกอบอาชีพประจำในสำนักงานและไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่เป็นอันตราย ความเสี่ยง ของอาชีพชั้น 1 ในการรับประกันภัย โดยทั่วไปถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ เมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ เพราะว่าลักษณะงานไม่ได้เผชิญกับอันตรายโดยตรง โอกาสเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจึงน้อย ดังนั้นเบี้ยประกันจึง มักมีราคาถูก ความคุ้มครองที่ได้รับก็ครอบคลุมกว่าอาชีพอื่นๆ ตัวอย่างอาชีพชั้น 1 เช่น แพทย์ พยาบาล ข้าราชการ พนักงานบริษัท ครู อาจารย์ เป็นต้น
- ลักษณะงาน: ปฏิบัติงานด้านบริหารการจัดการ หรือที่ประกอบอาชีพประจำในสำนักงาน หรือทำงานเบาๆ
- ตัวอย่าง: แพทย์ พยาบาล ข้าราชการ พนักงานบริษัท ครู อาจารย์
- ความเสี่ยง: ต่ำ
- เบี้ยประกัน: ถูก
- ความคุ้มครอง: ครอบคลุม
อาชีพชั้น 2
อาชีพชั้น 2 มักเป็นอาชีพที่ปฏิบัติงานทั้งภายในและภายนอกสำนักงาน หรือต้องใช้เครื่องจักร ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติหตุก็เพิ่มขึ้น ในการรับประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลนั้น โดยทั่วไปถือว่ามีความเสี่ยงในระดับปานกลาง เมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ เพราะว่าลักษณะงานอาจต้องเผชิญกับอันตรายบ้าง ต้องใช้ทักษะและความชำนาญโดยเฉพาะ โอกาสเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจึงมีมากกว่าอาชีพชั้น 1 ตัวอย่างอาชีพชั้น 2 เช่น วิศวกร ช่างไม้ ช่างไฟฟ้า เจ้าของกิจการขนาดเล็ก พนักงานขาย พนักงานขับรถ ตัวแทน/นายหน้า เป็นต้น
- ลักษณะงาน: ปฏิบัติงานที่ต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล หรือต้องเดินทางบ่อย
- ตัวอย่าง: ช่างไฟฟ้า ช่างประปา พนักงานขายสินค้า พนักงานขับรถแท็กซี่ พนักงานส่งของ
- ความเสี่ยง: ปานกลาง
- เบี้ยประกัน: ปานกลาง
- ความคุ้มครอง: ครอบคลุม
อาชีพชั้น 3
ปฏิบัติงานด้านช่าง กระบวนการผลิตที่มีการใช้เครื่องจักรกลหนัก ผู้ใช้แรงงาน การเดินทาง หรือทำงานนอกสำนักงานเป็นประจำ การรับประกันภัยในบริษัทประกันส่วนใหญ่มักมีการเก็บเบี้ยประกันแพงกว่าอาชีพชั้นที่ 1,2 เพราะมีความเสี่ยงมาก หรือในบางบริษัทก็ไม่มีแผนความคุ้มครองในอาชีพชั้นนี้ไปเลย สำหรับตัวอย่างอาชีพชั้น 3 เช่น ช่างซ่อมเครื่องยนต์ ช่างไฟฟ้า ช่างเชื่อม พนักงานขับรถ พนักงานส่งของ นักข่าว เป็นต้น
- ลักษณะงาน: ปฏิบัติงานที่ต้องเผชิญกับอันตราย ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกลหนัก หรือต้องใช้แรงงาน
- ตัวอย่าง: คนงานก่อสร้าง พนักงานโรงงาน พนักงานขับรถบรรทุก พนักงานดับเพลิง พนักงานรักษาความปลอดภัย
- ความเสี่ยง: สูง
- เบี้ยประกัน: แพง
- ความคุ้มครอง: ครอบคลุม
อาชีพชั้น 4
อาชีพขั้นสุดท้ายที่จัดอยู่ในหมวดอาชีพที่มีความเสี่ยงจากอุบัติเหตุสูงที่สุด เมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ ปฏิบัติงานที่ต้องเผชิญกับอันตราย ทำงานกลางแจ้ง ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล หรือทำงานที่ต้องเดินทางบ่อย เพราะว่าลักษณะงานเผชิญกับอันตรายโดยตรง โอกาสเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจึงมีมากกว่า ซึ่งค่าเบี้ยประกันก็มักจะมีราคาสูงมาก เงื่อนไขความคุ้มครองที่ได้รับอาจจะจำกัดในบางกรณี หรือบางบริษัทประกันอาจจะไม่รับประกันภัยสำหรับอาชีพกลุ่มนี้ ตัวอย่างอาชีพชั้น 4 เช่น นักแสดงผาดโผน คนงานก่อสร้าง พนักงานดับเพลิง พนักงานกู้ภัย นักกีฬาเอ็กซ์ตรีม นักแสดงผาดโผน ตำรวจ เป็นต้น
- ลักษณะงาน: ปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยงสูงมาก เป็นอันตรายต่อชีวิต
- ตัวอย่าง: นักแสดงผาดโผน นักบิน ทหาร นักกีฬาเอ็กซ์ตรีม
- ความเสี่ยง: สูงมาก
- เบี้ยประกัน: แพงมาก
- ความคุ้มครอง: อาจจะต้องมีแผนประกันภัยพิเศษ
ตัวอย่างอาชีพในแต่ละชั้น
- ชั้น 1 : แพทย์, พยาบาล, ข้าราชการ, พนักงานบริษัท, ครู, อาจารย์, นักบัญชี, นักวิทยาศาสตร์, นักวิจัย, ทนายความ, ผู้พิพากษา
- ชั้น 2 : พนักงานขาย, นักการตลาด, วิศวกร, ช่างเทคนิค, พนักงานขับรถแท็กซี่, พนักงานขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง, พนักงานเสิร์ฟ, พนักงานแคชเชียร์, พนักงานธนาคาร
- ชั้น 3 : คนงานก่อสร้าง, พนักงานประมง, พนักงานขับรถบรรทุก, พนักงานส่งของ, พนักงานรักษาความปลอดภัย, พนักงานเก็บขยะ, พนักงานทำความสะอาด, พนักงานกู้ภัย
- ชั้น 4 : นักแสดงผาดโผน, นักบิน, พนักงานดับเพลิง, พนักงานเหมือง, นักกีฬาผาดโผน, นักแข่งรถ, พนักงานป่าไม้, พนักงานไฟฟ้า
หมายเหตุ : ข้อมูลนี้เป็นเพียงตัวอย่างคร่าวๆ อาชีพบางอาชีพอาจจะอยู่ในชั้นที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของงาน การแบ่งกลุ่มอาชีพเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น บริษัทประกันแต่ละแห่งอาจมีการแบ่งกลุ่มอาชีพที่แตกต่างกัน เบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุ สุขภาพ วงเงินความคุ้มครอง เป็นต้น ไม่ใช่แค่เพียงอาชีพเท่านั้นค่ะ
สรุป
บริษัทประกันภัยทั่วไปจะแบ่งกลุ่มอาชีพเพื่อพิจารณาเบี้ยประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลออกเป็น 4 ชั้นอาชีพ แต่ละชั้นจะมีลักษณะงาน ความเสี่ยง ความคุ้มครองที่แตกต่างกันไป โดยจัดความเสี่ยงจากน้อยสุดไปมากที่สุด จากกลุ่มอาชีพตั้งแต่ชั้นที่ 1 ไปถึงชั้นที่ 4
ขอบคุณที่มา : https://www.tgia.org/insurance/accident