ทำประกันชีวิตสุขภาพที่ไหนดี? ในปี 2567 นี้ เบื่อไหม กับการจ่ายค่ารักษาพยาบาลราคาแพง? กังวลไหม กับอนาคตที่เต็มไปด้วยโรคร้ายแรง? กลัวไหม ว่าเงินออมจะไม่พอใช้ยามเจ็บป่วย? หมดกังวล กับปัญหาเหล่านี้ เพียงเลือกทำ “ประกันสุขภาพ” ที่เหมาะสมกับคุณ! บทความนี้ จะช่วยคุณ “คลายกังวล” และ “เลือกประกันสุขภาพได้ง่ายๆ”
เช็คสิทธิสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่มีอยู่
ก่อนตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพ ตรวจสอบสิทธิสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่มีอยู่ เช่น ประกันสังคม สวัสดิการจากบริษัท เพื่อดูว่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายแค่ไหน เช็คว่าเบิกอะไรได้ เข้าโรงพยาบาลไหน วงเงิน ค่าห้อง ค่ารักษาพยาบาล คุ้มครองตัวเองหรือคนในครอบครัว
สำหรับพนักงานบริษัท เช็คดูว่ามีประกันกลุ่มไหม ถ้ามีคุ้มครองอะไรบ้าง คุ้มครองครอบครัวหรือไม่ วงเงินค่าห้อง ค่ารักษาพยาบาลเท่าไหร่ เพียงพอต่อแนวโน้มค่ารักษาพยาบาลในอนาคตหรือไม่ ซึ่งเราอาจจะเลือกพิจารณาทำแค่ส่วนที่ประกันหรือสิทธิสวัสดิเดิมของเราไม่ครอบคลุม สมมติว่าคุณมีสิทธิประกันสังคม เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ 300,000 บาทต่อปี แต่ค่ารักษาพยาบาลบางโรคมีราคาสูงเกินวงเงิน เราก็เลือกทำประกันเพิ่มเติม เฉพาะส่วนที่ขาดก็ได้ค่ะ
สำรวจค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาล
เรทค่าห้องโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ
เมื่อต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชน หนึ่งในค่าใช้จ่ายที่สำคัญคือ ค่าห้องโรงพยาบาลเอกชน หลายคนอาจสงสัยว่าค่าห้องของแต่ละโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพราคาเท่าไหร่ มีรายละเอียดอย่างไร ค่าห้องในโรงพยาบาลเอกชนเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายหลักสำหรับการรักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายเหล่านี้แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของห้อง ระดับของบริการ และโรงพยาบาลแต่ละแห่ง
ค่าห้องในโรงพยาบาลเอกชนมีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเภทของห้อง ระดับของบริการ และโรงพยาบาลแต่ละแห่ง ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าห้อง เช่น ขนาดของห้อง สิ่งอำนวยความสะดวก ระดับความเป็นส่วนตัว บริการพิเศษ โดยค่าห้องมักรวมค่าบริการอื่นๆ เช่น ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาล โดยโรงพยาบาลเอกชนมีห้องพักหลากหลายประเภทให้เลือก จากการสำรวจของเว็บของโรงพยาบาลเอง พบว่าค่าห้องของโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ เรทราคามีดังนี้
ค่ารักษาโรคโดยประมาณของโรงพยาบาลเอกชน
การเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง นอกจากค่าห้องแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
- ค่าแพทย์: เป็นค่าตอบแทนสำหรับแพทย์ที่ทำการตรวจ วินิจฉัยโรค และรักษาพยาบาลผู้ป่วย ค่าแพทย์จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และชื่อเสียงของแพทย์
- ค่าวินิจฉัยโรค: เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการตรวจด้วยเครื่องมือต่างๆ เช่น ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ ซีทีสแกน เอ็มอาร์ไอ ฯลฯ ค่าวินิจฉัยโรคจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของการตรวจและความซับซ้อนของเทคนิค
- ค่ารักษาพยาบาล: เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับค่ายา น้ำเกลือ เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และค่าบริการต่างๆ เช่น ค่าผ่าตัด ค่าทำกายภาพบำบัด ฯลฯ ค่ารักษาพยาบาลจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของโรค ความรุนแรงของโรค ระยะเวลาการรักษา และเทคนิคการรักษา
ประกันชีวิตสุขภาพที่ไหนดี พิจารณาจากอะไรบ้าง
ในวันที่เจ็บป่วย เราอยากได้รับการรักษาพยาบาลแบบไหน แล้วรู้มั้ยว่าต้องเตรียมเงินไว้เท่าไหร่? ถึงจะเพียงพอต่อค่ารักษาที่เราต้องการ ดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกแผนความคุ้มครอง เราควรพิจารณาจาก ค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลที่จะใช้บริการ ว่าค่าใช้จ่ายด้านค่าห้องพัก ค่าอาหาร ค่าบริการในโรงพยาบาลที่คาดว่าจะเข้ารับการรักษาประมาณเท่าไหร่ แผนประกันแบบไหนครอบคลุมและเพียงพอบ้าง ก่อนตัดสินใจทำประกันชีวิตสุขภาพที่ไหนดี ควรพิจารณาข้อมูลให้ละเอียดดังต่อไปนี้
ค่าห้อง + ค่าอาหาร + ค่าบริการโรงพยาบาล
ในแผนประกันสุขภาพ ค่าห้อง + ค่าอาหาร + ค่าบริการโรงพยาบาล หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งหลักๆจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
1. ค่าห้อง
- ค่าใช้จ่ายสำหรับห้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
- ประเภทของห้องพักมีหลากหลาย เช่น ห้องเดี่ยว ห้องรวม ห้องพิเศษ
- ค่าห้องจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทของห้อง โรงพยาบาล และแผนประกันสุขภาพ
2. ค่าอาหาร
- ค่าใช้จ่ายสำหรับอาหารที่โรงพยาบาลจัดให้
- อาหารจะจัดให้ตามมาตรฐานของโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยสามารถเลือกประเภทอาหารได้ตามความต้องการ
3. ค่าบริการโรงพยาบาล
- ค่าใช้จ่ายสำหรับบริการต่างๆ ของโรงพยาบาล เช่น ค่าแพทย์ ค่ายา ค่าตรวจวินิจฉัย ค่ารักษาพยาบาล
- ค่าบริการจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทของบริการ โรงพยาบาล และแผนประกันสุขภาพ
ค่ารักษาพยาบาล ค่าตรวจวินิจฉัย ค่าผ่าตัด
ค่าใช้จ่ายหลักๆ ในโรงพยาบาลนอกจากค่าห้อง + ค่าอาหาร + ค่าบริการโรงพยาบาลแล้ว ยังมีค่าตรวจวินิจฉัย ค่ายา และค่าผ่าตัด ซึ่งในปัจจุบันนั้นมีราคาค่อนข้างสูงและค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นตามวิทยาการที่ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ดังนั้นการเลือกแผนประกันสุขภาพให้เพียงพอต่อค่ารักษาที่ครอบคลุมจะช่วยคลายกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและเข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องวงเงิน ประกันชีวิตสุขภาพแบบเหมาจ่ายเป็นทางเลือกใหม่ให้วงเงินค่ารักษาพยาบาลสูงกว่าประกันสุขภาพแบบทั่วไป ครอบคลุมทั้งค่าห้อง ค่าตรวจวินิจฉัยและค่าผ่าตัด โดยทางบริษัทมีวงเงินคุ้มครองสูง เริ่มต้นตั้งแต่ 1 ล้านบาท ไปจนถึง 120 ล้านบาทต่อปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความอุ่นใจและต้องการเลือกรับการรักษาที่ดีที่สุดในวันที่เจ็บป่วย
ตารางผลประโยชน์จากรูปข้างต้นเป็นแผนของประกันสุขภาพ AIA Health Happy
แผนค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD)
ก่อนอื่นต้องรู้จักคำว่า OPD ก่อน โดยย่อมาจาก Out-Patient Department แปลว่า แผนกผู้ป่วยนอก เป็นแผนกหนึ่งของโรงพยาบาลที่ให้บริการผู้ป่วยที่ไม่ต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ผู้ป่วยที่มารับบริการที่แผนกผู้ป่วยนอกจะมีอาการเจ็บป่วยที่ไม่รุนแรง เช่น ไข้หวัด เจ็บคอ ปวดหัว ท้องเสีย แพ้อาหาร อุบัติเหตุเล็กน้อย เป็นต้น
สำหรับประกันสุขภาพที่มี OPD คือ ประกันที่คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยนอกที่ไม่ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล หาหมอเสร็จก็สามารถเบิกค่าใช้จ่ายจากประกันที่มี OPD ได้เลย
ค่าชดเชยรายได้
ค่าชดเชยรายได้จากประกัน คือ เงินที่บริษัทประกันจ่ายให้กับผู้เอาประกัน เป็นค่าชดเชยการเสียเวลาเสียรายได้ ในกรณีที่ผู้เอาประกันต้องหยุดงานหรือขาดรายได้เนื่องจากการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุแล้วต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน (IPD) ซึ่งค่าชดเชยรายได้จากประกันจะแตกต่างกันไปตามประเภทของประกัน โดยทั่วไปแล้ว ค่าชดเชยรายได้จากประกันจะจ่ายเป็นรายวัน ซึ่งค่าชดเชยรายได้จากประกันจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของรายได้ที่หายไปหรือเอาไว้เป็นส่วนต่างค่าห้อง ในกรณีที่แผนค่ารักษาที่ทำไว้ ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการรักษานั้นเอง
ประกันโรคร้ายแรง
โรคร้ายแรง หมายถึง โรคที่รักษาหายได้ยาก ต้องใช้เทคโนโลยีหรือเทคนิคทางการแพทย์แบบเฉพาะทางในการรักษา ส่งผลให้ต้องรักษาตัวต่อเนื่องเป็นเวลานาน และอาจมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงมาก เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคไตวายเรื้อรัง เป็นต้น ดังนั้นประกันโรคร้ายแรง จึงเป็นประกันที่มีความสำคัญ สำหรับผู้ที่กังวลถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคร้ายแรง ด้วยเบี้ยประกันที่ราคาถูก แต่ให้ความคุ้มครองที่สูง ราคาหลักพัน สามารถให้ความคุ้มครองได้ถึงหลักล้านเลยทีเดียว ลูกค้าส่วนใหญ่มักนิยมที่จะซื้อเพิ่มเติมไว้ในปัจจุบัน
กรณีที่ผู้เอาประกันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรงตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยบริษัทประกันจะจ่ายเงินก้อนให้กับผู้เอาประกันทันทีที่ตรวจพบ ซึ่งเงินก้อนนี้สามารถนำไปใช้เพื่อค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง ค่าพักฟื้น เป็นต้น
อ่านบทความ : ทําประกันชีวิตให้พ่อแม่ หรือผู้สูงอายุ เลือกแบบไหนดี? 2567
ประกันอุบัติเหตุ (PA)
ประกันที่ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้เอาประกันเกิดอุบัติเหตุโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ไหน อย่างไร ก็ตาม โดยไม่จำกัดประเภทของอุบัติเหตุ เช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์ อุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ อุบัติเหตุทางกีฬา อุบัติเหตุในที่ทำงาน อุบัติเหตุจากการถูกทำร้ายร่างกาย เป็นต้น โดยคุ้มครองทั้งกรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพ บาดเจ็บ และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
ถึงแม้ว่าประกันอุบัติเหตุจะให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้เอาประกันได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเท่านั้น ไม่ได้ให้ความคุ้มครองการเจ็บป่วยจากโรคภัยไข้เจ็บ แต่ก็มีข้อดีในเรื่องของค่าเบี้ยประกันรอุบัติเหตุจะต่ำกว่าค่าเบี้ยประกันของประกันสุขภาพ เนื่องจากความคุ้มครองของประกันอุบัติเหตุมีขอบเขตที่แคบกว่า
ข้อแตกต่างระหว่างประกันอุบัติเหตุและประกันสุขภาพ
- ประกันอุบัติเหตุ ให้ความคุ้มครองกรณีได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเท่านั้น
- ประกันสุขภาพ ให้ความคุ้มครองทั้งกรณีเจ็บป่วยจากโรคและอุบัติเหตุ
ความคุ้มครองผู้ชำระเบี้ย
ความคุ้มครองผู้ชำระเบี้ย คือ สัญญาเพิ่มเติมที่ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้ชำระเบี้ยเสียชีวิตหรือทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร ส่งผลให้ไม่สามารถชำระเบี้ยประกันภัยต่อไปได้ กรมธรรม์หลักและสัญญาเพิ่มเติมอื่นๆ ยังคงมีผลบังคับอยู่ โดยบริษัทประกันจะยกเว้นการชำระเบี้ยประกันภัยของผู้ชำระเบี้ยผู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร ทำให้ผู้เอาประกันและครอบครัวไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการชำระเบี้ยประกันต่อในอนาคต
ความคุ้มครองผู้ชำระเบี้ยมักแนบมาด้วยกรมธรรม์ประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ โดยเงื่อนไขความคุ้มครองจะแตกต่างกันไปตามบริษัทประกันและแผนประกัน
- วงเงินความคุ้มครอง : วงเงินความคุ้มครองที่ผู้ชำระเบี้ยจะได้รับในกรณีที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร
- อัตราส่วนความคุ้มครอง : อัตราส่วนของวงเงินความคุ้มครองที่ผู้ชำระเบี้ยจะได้รับต่อเบี้ยประกันที่ชำระไปแล้ว
- ระยะเวลารอคอย : ระยะเวลาที่ผู้เอาประกันต้องรอหลังจากเกิดเหตุการณ์คุ้มครอง จึงจะได้รับวงเงินความคุ้มครอง
เลือกทำประกันสุขภาพกับบริษัทไหนดี
สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจเลือกทำประกัน แต่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะทำ “ประกันชีวิตสุขภาพที่ไหนดี” ทำกับบริษัทอะไร ดีที่สุด ซึ่งไม่มีคำตอบตายตัว เพราะว่าความต้องการของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมสูง บางคนต้องการเบี้ยประกันที่จ่ายไหว บางคนต้องการบริการที่สะดวก ฯลฯ โดยในแต่ละบริษัทประกันก็จะมีแผนความคุ้มครองที่แตกต่างกันไป สิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจเลือก คือต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ความต้องการของตัวเอง ต้องการความคุ้มครองแบบไหน ต้องการวงเงินคุ้มครองเท่าไหร่ ต้องการความคุ้มครองโรคอะไรบ้าง ต้องการใช้สิทธิ์กับโรงพยาบาลไหน จากนั้นก็นำมาเปรียบเทียบแผนประกันจากบริษัทต่างๆ เช่น เปรียบเทียบความคุ้มครอง เปรียบเทียบเบี้ยประกัน เปรียบเทียบบริการและเปรียบเทียบความน่าเชื่อถือของบริษัท
เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าเราจะเจ็บป่วยตอนไหน ซึ่งภาระค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลในปัจจุบันมีราคาสูง ประกันสุขภาพจึงมีความสำคัญอย่างมากสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเด็ก วัยทำงาน หรือผู้สูงอายุ ทั้งยังเป็นการช่วยวางแผนการเงินในอนาคตและสามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเมื่อยามเจ็บป่วย ป้องกันปัญหาการหมดเงินออม หรือต้องกู้ยืมเงินมาเพื่อรักษา การเลือกบริษัทที่จะเข้ามาดูแลเรา ควรเลือกบริษัทที่มีความมั่นคง จริงใจในการทำธุรกิจซึ่ง AIA เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับความไว้วางใจของคนไทยมายาวนาน และคนไทยให้การยอมรับมากที่สุด สามารถดูได้จากข้อมูลรูปภาพด้านบนเลยค่ะ
สำหรับการเลือกตัวแทน ควรพิจารณาจากหลายๆปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนในพื้นที่ใกล้เคียง คนรู้จัก หรือตัวแทนมีประสบการณ์ในธุรกิจประกันมานานแล้วมีความรู้เพียงพอ บริการหลังการขายดี ไม่ทิ้งลูกค้า ซื่อสัตย์ จริงใจ รักษาคำพูด ทำงานด้วยความโปร่งใส การเลือกตัวแทน AIA ที่ดี จะช่วยให้คุณได้รับแผนประกันที่เหมาะสมกับความต้องการ ขอคำปรึกษาเกี่ยวกับรายละเอียดแผนประกัน กฎเกณฑ์เงื่อนไขข้อยกเว้นต่างๆของสัญญาประกันได้ ดูแลลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ติดต่อกลับหาลูกค้าเมื่อมีข้อมูลใหม่ คอยแนะนำช่วยเหลือให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์จากการทำประกันมากที่สุดนั้นเอง เพราะความซื่อสัตย์และน่าเชื่อถือ คือ หัวใจสำคัญของธุรกิจประกัน
ตัดสินใจ เลือกแผนประกันสุขภาพ
เมื่อเราได้ข้อมูลประกอบในการพิจารณาแล้วว่าจะทำประกันชีวิตสุขภาพที่ไหนดี เราโดยพิจารณาจากค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลตามโรงพยาบาลที่เราอยากได้รับการรักษา เช่น เมื่อเราป่วยอยากได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลปิยะเวท โดยค่าห้องแบบ Standard ปกติจะอยู่ที่ คืนละ 6,170 บาท เราก็เลือกทำประกัน AIA Health Happy แผน 25 ล้าน ที่แผนค่าห้องที่ 9,000 บาทต่อคืน เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูจำนวนที่เราต้องส่งด้วยนะคะ ว่าเราไหวไหม บางทีเราก็ไม่จำเป็นต้องเลือกแผนที่คุ้มครองสูงที่สุด เอาที่เราจ่ายไหวด้วย เลือกแผนประกันที่ตรงกับความต้องการและความสามารถในการจ่ายของเรา โดยปัจจัยที่ต้องพิจารณาคร่าวๆมีดังนี้
1. ความต้องการ
- ต้องการความคุ้มครองแบบไหน?
- ต้องการวงเงินคุ้มครองเท่าไหร่?
- ต้องการเข้ารักษาที่โรงพยาบาลไหน?
- ต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติม เช่น ค่าทันตกรรม ค่าสายตา ฯลฯ หรือไม่?
2. สุขภาพ:
- มีโรคประจำตัวหรือไม่?
- มีประวัติการรักษาอะไรบ้าง?
3. งบประมาณ:
- จ่ายเบี้ยประกันได้ไหวเท่าไหร่?
4. เปรียบเทียบ:
- เปรียบเทียบแผนประกันสุขภาพจากบริษัทประกันต่างๆ
- เปรียบเทียบความคุ้มครอง วงเงิน เบี้ยประกัน เงื่อนไขต่างๆ
5. ปรึกษา:
- ปรึกษานักวางแผนการเงิน
- ปรึกษาตัวแทนประกัน