8 สัญญาณเตือน อาการนอนไม่หลับ อันตรายกว่าที่คิด!

8 สัญญาณเตือน นอนไม่หลับ อันตรายกว่าที่คิด!

อาการนอนไม่หลับ สมองไม่หยุดคิด เป็นปัญหาที่พบบ่อยและสร้างความรำคาญไม่น้อย โดยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ความเครียด กังวล anxieties หรือความคิดวนเวียน ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพโดยรวมของชีวิต ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัยของอายุ โดยจากสถิติแล้ว ส่วนใหญ่มักจะเกิดในผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป

8 สัญญาณเตือนอาการของโรคนอนไม่หลับ

  1. นอนหลับยาก ใช้เวลานานกว่า 30 นาที กว่าจะหลับได้
  2. ตื่นกลางดึกบ่อย หลับไม่ต่อเนื่อง ตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วหลับต่อยาก
  3. ตื่นเช้าเกินไป ตื่นนอนก่อนเวลาที่ตั้งใจไว้ นอนต่อไม่ได้ รู้สึกอ่อนเพลีย
  4. รู้สึกไม่สดชื่น ตื่นนอนแล้วไม่รู้สึกกระปรี้กระเปร่า สมองล้า อ่อนเพลีย
  5. ง่วงนอนระหว่างวัน อ่อนเพลีย มึนงง ง่วงระหว่างวัน ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
  6. ถึงเวลานอนแล้ว รู้สึกง่วง แต่ไม่ยอมหลับ
  7. สมาธิสั้น ขี้ลืมบ่อย
  8. อารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดง่าย

โรคนอนไม่หลับ แบ่งเป็น 3 ระดับตามช่วงเวลาของการนอน

ภาวะนอนหลับยาก

1. ภาวะหลับยาก (Initial insomnia)

ภาวะหลับยาก คือ ภาวะที่ใช้เวลานานกว่า 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ในการหลับ มักเกิดจากความเครียด วิตกกังวล ปัญหาสุขภาพจิต หรือความผิดปกติทางร่างกาย ผู้ป่วยจะรู้สึกกังวล กระวนกระวาย นอนไม่หลับ สมองตื่นตัว คิดวนเวียน ซึ่งส่งผลให้รู้สึกอ่อนเพลียและง่วงระหว่างวันได้

2. ภาวะหลับแล้วตื่นกลางดึกบ่อย (Maintinance insomnia)

Maintenance insomnia หรือ ภาวะหลับแล้วตื่นกลางดึกบ่อย เป็นภาวะที่ผู้ป่วยไม่สามารถนอนหลับได้ยาว มีการสะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย ส่วนใหญ่มากกว่า 2 ครั้งขึ้นไปและกลับมานอนหลับต่อได้ยาก ภาวะดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพทางกาย เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ความเครียด ปัญหาสุขภาพจิต หรือการใช้ยาบางชนิด ส่งผลให้รู้สึกอ่อนเพลีย ง่วงระหว่างวัน และทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ

3. ภาวะตื่นเช้าเกินไป Terminal insomnia

ภาวะที่ผู้ป่วยตื่นเช้ากว่าเวลาปกติ พบได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้า โรควิตกกังวล หรือความผิดปกติของฮอร์โมน

ระยะเวลาที่เกิดโรคแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม

1. โรคการนอนไม่หลับจากการปรับตัว (Adjustment insomnia)

ภาวะที่บุคคลมีอาการนอนหลับยาก มักเกิดขึ้นไม่เกิน 3 เดือน เกิดขึ้นชั่วคราวจากการเผชิญกับเหตุการณ์สำคัญ หรือการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เช่น การย้ายบ้าน เปลี่ยนงาน เริ่มเรียนใหม่ แต่งงาน เสียงาน เข้ารับการผ่าตัด หรือเผชิญกับเหตุการณ์สะเทือนใจ

เมื่อเหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุคลี่คลาย อาการนอนหลับยากมักจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อเราปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ได้ แต่บางรายอาจกลายเป็นโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง

2. โรคการนอนไม่หลับเรื้อรัง (Chronic insomnia)

ภาวะที่บุคคลมีอาการนอนไม่หลับต่อเนื่อง อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลาติดต่อกันอย่างน้อ 3 เดือน

อ่านบทความ : 5 โรคหน้าร้อน ที่ต้องระวัง! รู้ทัน ป้องกันได้ง่ายนิดเดียว

ปรับพฤติกรรมการนอน เพื่อลดอาการนอนไม่หลับ

ปรับพฤติกรรมการนอน

  • ฝึกนอนหลับให้เป็นเวลา เข้านอนและตื่นนอนเป็นเวลาทุกวัน แม้ในวันหยุดสุดสัปดาห์ จะช่วยปรับนาฬิกาชีวิตให้ร่างกายคุ้นเคยกับเวลานอน
  • ผ่อนคลายก่อนนอน หลีกเลี่ยงการใช้มือถือหรือดูหน้าจอก่อนนอน เลือกทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น อาบน้ำอุ่น ฟังเพลงบรรเลง อ่านหนังสือ หรือฝึกสมาธิ
  • จัดห้องนอนให้อบอุ่น เงียบสงบ และมืด ปิดไฟ ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ควบคุมอุณหภูมิห้องให้เย็นสบาย เหมาะกับการนอน
  • งดชา กาแฟ ช็อกโกแลต และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน คาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นที่ทำให้ร่างกายตื่นตัว ควรงดอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนนอน
  • งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่และแอลกอฮอล์รบกวนการนอนหลับ ควรงดอย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนนอน
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับง่ายขึ้น แต่ควรเลี่ยงการออกกำลังกายก่อนนอนอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
  • งดทานอาหารก่อนนอน ให้ทานอาหารมื้อเย็นอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง ถึงเวลานอน
  • หลีกเลี่ยงการดูนาฬิกาในระหว่างการนอนเนื่องจากทำให้กังวล

เทคนิคช่วยให้สมองหยุดคิด

  • จดบันทึกความคิด ก่อนนอนให้จดบันทึกสิ่งที่กังวลหรือคิดวนเวียนในหัวลงสมุด ช่วยให้สมองปลดปล่อยความคิดและผ่อนคลาย
  • ฝึกหายใจ ฝึกหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ กลั้นไว้ชั่วครู่ แล้วค่อยๆ ผ่อนออก ทำซ้ำหลายๆ ครั้ง ช่วยให้จิตใจสงบและผ่อนคลาย
  • ฝึกสมาธิ ฝึกจดจ่อกับลมหายใจ หรือภาวนา ช่วยให้จิตใจสงบ ลดความคิดฟุ้งซ่าน

สิ่งที่ควรทำก่อนนอน

  • จัดบรรยากาศห้องนอนให้เหมาะ ปิดไฟให้มืด อุณหภูมิห้องเย็นสบาย เงียบสงบ ไม่มีสิ่งรบกวน
  • งดเล่นมือถือก่อนนอน แสงสีฟ้าจากหน้าจอจะกระตุ้นให้สมองตื่นตัว ควรงดเล่นมือถืออย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน
  • ทำกิจกรรมผ่อนคลาย อาบน้ำอุ่น ฟังเพลงบรรเลง อ่านหนังสือ หรือทำสมาธิ จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย
  • ฝึกหายใจ ฝึกหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ กลั้นไว้ชั่วครู่ แล้วค่อยๆ ผ่อนออก ทำซ้ำๆ 10-20 ครั้ง จะช่วยให้สมองสงบลง

เมื่อนอนไม่หลับ ทำยังไงดี

เมื่อเรานอนไม่หลับ ให้ลุกจากเตียง ไปทำกิจกรรมผ่อนคลายในห้องที่มืด เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง จนกว่าจะรู้สึกง่วง ไม่ต้องฝืนนอน หรือพยายามไม่นอนบนเตียงนานๆ โดยไม่หลับ เพราะจะยิ่งทำให้เครียด หรือหากเรากำลังเครียดหรือคิดเรื่องวุ่นวานในสมองเยอะเกินไป แนะนำให้จดบันทึกความคิด จดสิ่งที่กังวลลงในสมุด จะช่วยให้สมองโล่งขึ้นได้ค่ะ

ที่มา : www.nonthavej.co.th