เคยสงสัยไหมว่าหากมีประกันสุขภาพหลายฉบับ จะสามารถเคลมซ้ำกันได้หรือไม่? คำถามยอดฮิตนี้มักผุดขึ้นมาเมื่อต้องเผชิญกับค่ารักษาพยาบาลที่สูงลิ่ว หลายคนอาจคิดว่าการมีประกันหลายกรมธรรม์จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น แต่ความจริงแล้วเรื่องนี้อาจไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
บทความนี้จะพาคุณไปไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการเคลมประกันสุขภาพหลายฉบับ เริ่มตั้งแต่ทำความเข้าใจหลักการพื้นฐาน กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไปจนถึงเทคนิคการเคลมให้คุ้มค่าที่สุด เพื่อให้คุณสามารถใช้สิทธิประโยชน์จากประกันสุขภาพได้อย่างเต็มที่และไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดอีกต่อไป
หลักการเคลมประกันสุขภาพหลายฉบับ
การเคลมประกันสุขภาพหลายฉบับอาจดูซับซ้อน แต่เมื่อเข้าใจหลักการแล้วจะช่วยให้คุณใช้สิทธิประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่าและไม่เสียสิทธิโดยไม่จำเป็น สำหรับการเคลมประกันสุขภาพ หลายคนอาจคุ้นเคยกับการเบิกค่ารักษาพยาบาล แต่จริงๆ แล้วประกันสุขภาพมีรูปแบบการจ่ายค่าชดเชย 2 แบบหลักๆดังนี้
1. ค่ารักษาพยาบาล
ค่าชดเชยค่ารักษาพยาบาล คือ เงินที่บริษัทประกันภัยจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัย เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงจากการรักษาพยาบาล ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่ไม่เกินวงเงินเอาประกันที่ซื้อไว้ ดังนี้
- ค่าห้องพัก: ค่าห้องพักเดี่ยว หรือห้องพักรวม ตามแผนประกันที่เลือก
- ค่าธรรมเนียมแพทย์: ค่าตรวจ ค่าปรึกษา ค่าผ่าตัด และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับแพทย์
- ค่ายาและเวชภัณฑ์: ค่ายาที่จ่ายโดยโรงพยาบาล หรือตามใบสั่งแพทย์
- ค่าบริการอื่นๆ: ค่าบริการทางการพยาบาล เช่น ค่าห้องผ่าตัด ค่าห้องฉุกเฉิน ค่ากายภาพบำบัด ค่าบริการรถพยาบาล
ถ้าวงเงินในกรมธรรม์เล่มแรกไม่พอ ก็ค่อยไปเคลมจากเล่มที่ 2 และต่อๆไป แต่หากมีประกันเล่มเดียว จะต้องได้จ่ายส่วนต่างที่เกิดขึ้นจากการรักษาเอง เป็นต้น
ตัวอย่างการเคลมค่าชดเชยค่ารักษาพยาบาล
หากคุณมีประกันสุขภาพ 2 ฉบับ ฉบับแรกวงเงิน 20,000 บาท ฉบับที่สองวงเงิน 10,000 บาท และคุณเข้ารับการรักษาพยาบาลโดยมีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 30,000 บาท คุณสามารถเคลมค่ารักษาพยาบาลจากกรมธรรม์ฉบับแรกก่อน ซึ่งจะได้รับค่าชดเชยเต็มจำนวน 20,000 บาท จากนั้น คุณสามารถนำใบเสร็จและเอกสารที่เกี่ยวข้องไปเคลมกับกรมธรรม์ฉบับที่สองเพื่อรับค่าชดเชยส่วนที่เหลืออีก 10,000 บาท
2. ค่าชดเชยรายวัน
ค่าชดเชยรายวัน คือ เงินที่บริษัทประกันจะจ่ายให้เราเป็นรายวัน ในกรณีที่เราต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน โดยจำนวนเงินที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับแผนประกันที่เราเลือก และเงื่อนไขความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น อาจได้รับค่าชดเชย 500 บาทต่อวัน หรือ 1,000 บาทต่อวัน เป็นต้น
วัตถุประสงค์ของค่าชดเชยรายวัน คือ ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการรักษาตัว เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าดูแลบุตรหลาน หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของเราในช่วงที่ไม่สามารถทำงานได้
กรณีที่คุณมีประกันสุขภาพหลายฉบับที่ให้ความคุ้มครองค่าชดเชยรายวัน คุณสามารถเคลมค่าชดเชยรายวันได้จากทุกกรมธรรม์ที่คุณมี ในทุกบริษัท เช่น หากมีค่าชดเชยรายวันกับบริษัท A และ B รวมกัน 5 ฉบับ เราสามารถเคลมค่าชดเชยรายวันได้ทั้งหมด
สำหรับวิธีการเคลมเงินชดเชยรายวัน
ถ้าประกันสุขภาพของคุณมีค่าชดเชยรายวันให้ด้วย เมื่อคุณเคลมค่ารักษาพยาบาลผ่านโรงพยาบาลแล้ว คุณไม่ต้องยื่นเอกสารเคลมค่าชดเชยรายวันซ้ำอีก เพราะบริษัทประกันจะรู้รายละเอียดการรักษาของคุณอยู่แล้ว และจะจ่ายค่าชดเชยรายวันให้คุณเองโดยอัตโนมัติ
แต่ในกรณีที่คุณมีค่าชดเชยรายวันมากกว่า 1 ฉบับ คุณสามารถใช้สำเนาใบรับรองแพทย์และสำเนาใบเสร็จที่ประทับตราโรงพยาบาลในการยื่นเคลมกับแต่ละบริษัทประกันได้
ข้อควรรู้เกี่ยวกับค่าชดเชยรายวัน
- ค่าชดเชยรายวันจะจ่ายให้เฉพาะกรณีที่เข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยในเท่านั้น
- จำนวนวันที่ได้รับค่าชดเชยอาจมีการจำกัดตามเงื่อนไขของกรมธรรม์
- บางกรมธรรม์อาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น การจ่ายค่าชดเชยเพิ่มขึ้นหากต้องเข้ารับการรักษาในห้อง ICU
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเคลมเมื่อมีประกันสุขภาพหลายฉบับ
ก่อนเคลมประกันสุขภาพหลายฉบับ คุณสามารถเลือกใช้สิทธิจากกรมธรรม์ไหนก็ได้ที่ค่ารักษาพยาบาลของคุณอยู่ในความคุ้มครอง โดยไม่จำเป็นต้องใช้ตามลำดับกรมธรรม์ แต่ส่วนใหญ่แล้ว เราจะเลือกเคลมตัวที่มีความคุ้มครองเยอะที่สุดก่อนค่ะ
เงื่อนไขและข้อจำกัดในการเคลมซ้ำ
ถ้าค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดของคุณถูกครอบคลุมโดยประกันฉบับเดียว คุณไม่จำเป็นต้องใช้ประกันฉบับอื่นอีก เว้นแต่ว่าประกันเล่มที่ 2 ของคุณมีค่าชดเชยรายวันให้ด้วย คุณก็ยังเคลมค่าชดเชยรายวันจากประกันฉบับที่ 2 ได้
เราไม่สามารถเคลมค่ารักษาจากทั้ง 2 ที่ได้พร้อมกันได้ เช่น ถ้าคุณป่วยเป็นอาหารเป็นพิษรุนแรง ต้องนอนโรงพยาบาล 1 คืน ค่ารักษา 15,000 บาท และประกันฉบับแรกของคุณคุ้มครองไปแล้ว จะมาทำเรื่องเบิกเคลมกับประกันฉบับที่ 2 อีกไม่ได้ เป็นต้น
ข้อควรระวัง
- การเคลมซ้ำโดยมีเจตนาหลอกลวงเพื่อให้ได้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าค่าใช้จ่ายจริง ถือเป็นการฉ้อโกงประกันและมีความผิดตามกฎหมาย
- การเคลมซ้ำโดยไม่ได้แจ้งบริษัทประกันว่ามีประกันสุขภาพหลายฉบับ อาจถือเป็นการปกปิดข้อมูลและส่งผลให้การเคลมเป็นโมฆะได้
ระยะเวลาในการยื่นเคลม
สำหรับระยะเวลาในการเคลมประกันสุขภาพนั้น จะแตกต่างกันไปตามประเภทของค่าชดเชย โดยทั่วไปแล้วค่ารักษาพยาบาลสามารถเคลมได้ทันทีหลังจากได้รับการรักษาและมีเอกสารครบถ้วน ส่วนค่าชดเชยรายวันมักจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 15 วัน – 20 วัน หลังจากยื่นเอกสารเคลมครบถ้วน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.aia.co.th/th/help-support/claim-services/iclaim
เอกสารที่ต้องเตรียม
การเตรียมเอกสารประกอบการเคลมประกันสุขภาพเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การเคลมเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว โดยทั่วไปเอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้
- แบบฟอร์มการเคลม: หากคุณใช้สิทธิ์ผ่านโรงพยาบาล สามารถใช้แบบฟอร์มเคลมของโรงพยาบาลได้เลย แต่หากเคลมเองต้องกรอกแบบฟอร์มของบริษัทประกัน
- สำเนาประวัติการรักษาพยาบาล: เอกสารนี้จะระบุรายละเอียดการรักษา การวินิจฉัยโรค และขั้นตอนการรักษาต่างๆ
- ใบรับรองแพทย์: เป็นเอกสารที่แพทย์ออกให้เพื่อยืนยันการเจ็บป่วยและความจำเป็นในการรักษา
- สำเนาบัตรประชาชน: ใช้ยืนยันตัวตนของผู้เอาประกัน
- ใบแจ้งหนี้แสดงรายการค่าใช้จ่ายหรือใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล:
- กรณีสำรองจ่าย ให้ใช้ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลฉบับจริง
- กรณีใช้สิทธิ์ผ่านโรงพยาบาล ให้ใช้ใบแจ้งหนี้แสดงรายการค่าใช้จ่าย
- เอกสารอื่นๆ ที่บริษัทประกันร้องขอเพิ่มเติม: เช่น ใบรายงานผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ หรือผลการตรวจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเคลมประกันสุขภาพหลายฉบับ
ปกติแล้วหากมีประกันเพียงฉบับเดียว คุณจะไม่สามารถเบิกเคลมค่ารักษาพยาบาลในส่วนที่เกินได้ จะต้องได้สำรองจ่ายส่วนเกินด้วยตัวเอง แต่หากมีประกันสุขภาพมากกว่า 1 ฉบับขึ้นไป เราสามารถเรียกใช้สิทธิ์เบิกค่ารักษาเพิ่มเติมกับอีกฉบับหนึ่งได้
ในส่วนนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนของค่ารักษาและค่าชดเชยรายวัน
1. สำหรับค่ารักษาพยาบาล
สามารถเคลมได้ทั้งหมดครับ แต่มีเงื่อนไขคือ ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลต้องมากกว่าวงเงินความคุ้มครองของกรมธรรม์ใดกรมธรรม์หนึ่ง
2. ค่าชดเชยรายวัน
สำหรับค่าชดเชยรายวัน สามารถเคลมได้กับกรมธรรม์ทุกฉบับและทุกบริษัท ที่มีความคุ้มครองค่าชดเชยรายวัน
ในการเคลมประกันสุขภาพหลายฉบับ ไม่ได้มีกฎตายตัวว่าต้องเคลมฉบับไหนก่อน แต่มีหลักการที่ควรพิจารณาเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดดังนี้:
-
เคลมจากกรมธรรม์ที่มีวงเงินคุ้มครองสูงสุดก่อน: โดยปกติแล้ว ควรเริ่มเคลมจากกรมธรรม์ที่มีวงเงินคุ้มครองสูงสุดก่อน เพื่อให้ได้รับค่าชดเชยมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
-
พิจารณาเงื่อนไขความคุ้มครอง: บางกรมธรรม์อาจมีความคุ้มครองเฉพาะเจาะจงสำหรับโรคหรือการรักษาบางประเภท หากค่ารักษาพยาบาลของคุณตรงกับเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ใดกรมธรรม์หนึ่ง ควรเลือกเคลมจากกรมธรรม์นั้นก่อน
-
พิจารณาเงื่อนไขการร่วมจ่าย (Co-payment) หรือค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible): บางกรมธรรม์อาจมีเงื่อนไขการร่วมจ่ายหรือค่าเสียหายส่วนแรก ซึ่งหมายความว่าคุณต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลบางส่วนเอง หากกรมธรรม์ใดมีเงื่อนไขเหล่านี้ ควรพิจารณาเคลมจากกรมธรรม์อื่นที่ไม่มีเงื่อนไขเหล่านี้ก่อน
-
ปรึกษาบริษัทประกัน: หากคุณไม่แน่ใจว่าควรเคลมจากกรมธรรม์ใดก่อน สามารถสอบถามจากบริษัทประกันได้โดยตรง พวกเขาจะสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณได้
โดยทั่วไปแล้ว ไม่สามารถเคลมค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นก่อนทำประกันได้ เนื่องจากการประกันสุขภาพจะคุ้มครองเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่กรมธรรม์เริ่มมีผลบังคับใช้เท่านั้น ส่วนใหญ่จะมีระยะเวลารอคอยในการทำประกันสุขภาพ อันนี้แล้วแต่ประเภทของกรมธรรม์ สามารถสอบถามได้กับตัวแทนได้เลย