ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A เป็นโรคที่สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วและก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ในบางราย แม้จะเป็นโรคที่หลายคนอาจมองว่าไม่ร้ายแรง แต่ในความเป็นจริงแล้ว การรักษาอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นได้ หากเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
บทความนี้จะช่วยคุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับ อาการ, วิธีรักษา, และช่วยประเมินค่ารักษา แบบคร่าวๆ เพื่อให้คุณสามารถวางแผนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ A คืออะไร?
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A (Influenza A) เป็นไวรัสที่อยู่ในกลุ่มอินฟลูเอนซา มีความสามารถในการกลายพันธุ์และแพร่ระบาดในวงกว้าง โดยสามารถติดต่อจากคนสู่คนผ่านทางละอองฝอยจากการไอ จาม หรือสัมผัสสารคัดหลั่งที่มีเชื้อไวรัส
สายพันธุ์ A ยังเป็นชนิดที่เกี่ยวข้องกับการระบาดใหญ่ (pandemic) ในอดีต เช่น ไข้หวัดใหญ่สเปน หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1

อาการของโรค
ผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้ จะมีอาการคล้ายไข้หวัดทั่วไป แต่รุนแรงและรวดเร็วกว่า โดยอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่:
- ไข้สูงเฉียบพลัน
- ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว
- ไอ เจ็บคอ
- เหนื่อยล้าอ่อนเพลียง่าย
- คัดจมูก น้ำมูกไหล
- เบื่ออาหาร
ในบางกรณี โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว อาการอาจรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบและต้องเข้ารับการรักษา

วิธีป้องกัน
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการสร้างภูมิคุ้มกันและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ โดยมีวิธีดังนี้:
- ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปี
- ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- หลีกเลี่ยใช้ของร่วมกับคนอื่น
- สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่แออัด
- รักษาสุขภาพให้แข็งแรง เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

ค่ารักษาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A โดยทั่วไป
ค่ารักษาจะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการและสถานพยาบาลที่เลือกใช้บริการ โดยสามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก:
1. ค่ารักษาเบื้องต้น (กรณีไม่รุนแรง)
หากเป็นไข้หวัดสายพันธุ์ A แบบไม่รุนแรง ผู้ป่วยสามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้ โดยมีค่าใช้จ่ายดังนี้:
- ค่าตรวจเบื้องต้น (แพทย์ + ค่ายา): 500 – 1,500 บาท
- ค่ายาต้านไวรัส (เช่น ยาโอเซลทามิเวียร์ – Oseltamivir): ประมาณ 500 – 1,000 บาท
- ค่าตรวจ Rapid Test สำหรับไข้หวัดใหญ่: 600 – 1,200 บาท (ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล)
2. ค่ารักษาแบบผู้ป่วยใน (กรณีรุนแรงหรือต้องนอนโรงพยาบาล)
กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ หายใจลำบาก หรือมีโรคประจำตัวร่วม อาจต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น:
- ค่าห้องพักและบริการพยาบาล: 2,000 – 5,000 บาท/คืน (โรงพยาบาลเอกชน)
- ค่ายาและค่าตรวจเพิ่มเติม: 3,000 – 10,000 บาท
- รวมค่ารักษาโดยประมาณ: 10,000 – 30,000 บาท ขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับระยะเวลาพักฟื้น)
3. ค่ารักษาผ่านประกันสุขภาพหรือสิทธิหลักประกันสุขภาพ
หากคุณมีสิทธิการรักษาจาก:
- บัตรทอง (หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ): รักษาได้ฟรีในสถานพยาบาลที่ลงทะเบียนไว้
- ประกันสังคม: คุ้มครองค่ารักษาในโรงพยาบาลตามสิทธิ
- ประกันสุขภาพเอกชน: ขึ้นอยู่กับแผนประกันที่ทำไว้ ควรตรวจสอบเงื่อนไขล่วงหน้า
อ่านบทความ: ทำประกันสุขภาพที่ไหนดี เลือกแบบไหนดี ในปี 2568
วิธีประหยัดค่ารักษาและลดความเสี่ยง
- ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ทุกปี (มีค่าใช้จ่ายประมาณ 300 – 800 บาท หรืออาจฉีดฟรีในบางช่วงของปี)
- หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด รักษาความสะอาด และ สวมหน้ากากอนามัย
- ตรวจสอบสิทธิการรักษาของตนเองให้พร้อม เช่น บัตรทอง, ประกันสังคม หรือประกันสุขภาพเอกชน
สรุป
ค่ารักษาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A อาจไม่สูงนักหากตรวจพบเร็วและรักษาทันที แต่หากปล่อยให้รุนแรง อาจนำไปสู่ค่ารักษาที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว การป้องกันไว้ก่อนและรู้สิทธิของตนเองคือวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพและควบคุมค่าใช้จ่าย
อ้างอิง: medparkhospital.com


