เข้าสู่ช่วงปลายปีแบบนี้ การวางแผน “ลดหย่อนภาษี” คือภารกิจสำคัญ และ “ประกัน” ก็เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุด วันนี้เราจะมาดูกันว่าผลการเปรียบเทียบประกันลดหย่อนภาษี 2568 แต่ละแบบเป็นอย่างไร เพื่อให้คุณเลือกได้ตรงใจที่สุด
ทบทวนสิทธิลดหย่อนภาษีด้วยประกันปี 2568: ต้องรู้อะไรบ้าง?
ก่อนจะเริ่มการเปรียบเทียบประกันลดหย่อนภาษี 2568 เรามาปัดฝุ่นความจำเรื่องสิทธิลดหย่อนภาษีกันก่อนนะคะ เพราะนี่คือหัวใจสำคัญในการวางแผนค่ะ
- ประกันชีวิตทั่วไป และ ประกันสะสมทรัพย์: ลดหย่อนได้ตามเบี้ยที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท โดยกรมธรรม์ต้องมีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป
- ประกันสุขภาพ: ลดหย่อนได้ตามเบี้ยที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อนำไปรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปแล้ว ต้องไม่เกิน 100,000 บาท
- ประกันชีวิตแบบบำนาญ: ลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้พึงประเมิน แต่สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ (กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, RMF, SSF, กอช.) ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
เปิดศึกชิงบัลลังก์! เปรียบเทียบประกันลดหย่อนภาษี 2568 ตามเป้าหมาย
ในฐานะตัวแทนประกันชีวิตปุนได้คัดเลือกแบบประกันที่โดดเด่นในแต่ละประเภทมาให้เห็นภาพชัดๆ เพื่อให้คุณเลือกได้ตรงตามเป้าหมายของตัวเองค่ะ
1.AIA Saving Sure (Non Par) ออมชัวร์ เกษียณสบาย ไร้กังวล
ตัวอย่างการคำนวณ: ประกันสะสมทรัพย์ช่วยคุณประหยัดภาษีได้เท่าไหร่?
- ชำระเบี้ยประกันเพียง 10 ปี แต่คุ้มครองยาวไปจนถึงอายุ 99 ปี มีเงินก้อน เมื่อครบกำหนดสัญญา
- เบี้ยประกันใช้ลดหย่อนภาษีได้ 10 ปี (ส่วนลดหย่อน 100,000 บาทแรก)
- มีเงินก้อน เมื่อครบกำหนดสัญญา หรือเลือกรับเงินเป็นงวดๆ หลังอายุ 60 เงินคืน 12% – 26% ต่อปี
- รับเงินคืนแบบขั้นบันได ยิ่งอายุมาก ยิ่งได้เงินคืนเพิ่มขึ้น
- ยกเว้นการชำระเบี้ยประกันภัยของแบบประกันภัยหลัก หากเกิดกรณีทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรก่อนอายุครบ 60 ปี
2.AIA Endowment 15/25 (Non Par) ประกันสะสมทรัพย์ มั่นคงปลอดภัย
ตัวอย่างการคำนวณ: ประกันสะสมทรัพย์ช่วยคุณประหยัดภาษีได้เท่าไหร่?
- ชำระเบี้ยประกันภัย 15 ปี ระยะเวลาความคุ้มครอง 25 ปี
- เบี้ยประกันใช้ลดหย่อนภาษีได้ 15 ปี (ส่วนลดหย่อน 100,000 บาทแรก)
- รับเงินคืนรายงวดทุกปี 1% ของทุนประกัน ตั้งแต่หลังปีกรมธรรม์ที่ 2-24
- ยกเว้นการชำระเบี้ยประกันภัยของแบบประกันภัยหลัก หากเกิดกรณีทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรก่อนอายุครบ 60 ปี
3.AIA Excellent (Non Par) ออมเงินสบาย วางแผนอนาคต มั่นคงทุกวัย
ตัวอย่างการคำนวณ: ประกันสะสมทรัพย์ช่วยคุณประหยัดภาษีได้เท่าไหร่?
- ชำระค่าเบี้ยประกันภัย 20 ปี รับความคุ้มครองตลอด 20 ปี
- เบี้ยประกันใช้ลดหย่อนภาษีได้ 20 ปี (ส่วนลดหย่อน 100,000 บาทแรก)
- รับเงินคืนรายงวด 10% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยเริ่มต้น ทุก 4 ปีและรับเงินคืนครบสัญญาถึง 300% รวมผลประโยชน์เงินคืนตลอดสัญญาทั้งสิ้น 340%
- ยกเว้นการชำระเบี้ยประกันภัยของแบบประกันภัยหลัก หากเกิดกรณีทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรก่อนอายุครบ 60 ปี
กูรูทิปส์: ให้มองหาแบบประกันที่มี IRR (Internal Rate of Return) หรืออัตราผลตอบแทนที่แท้จริงสูงที่สุด หากต้องการความคุ้มค่าด้านการออม และสำหรับคนที่ไม่ชอบความเสี่ยง ให้เลือกแบบ Non-Par (ไม่มีเงินปันผล) เพราะจะการันตีผลตอบแทนที่แน่นอนกว่าค่ะ
การคำนวณภาษี: เปรียบเทียบระหว่าง “ก่อน” และ “หลัง” ใช้สิทธิลดหย่อน
มาดูตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมกันค่ะ
- นายเอ มีรายได้ทั้งปี 800,000 บาท
- ค่าลดหย่อนพื้นฐาน (ส่วนตัว+ประกันสังคม): 69,000 บาท
- เงินได้สุทธิ (ก่อนหักประกัน): 800,000 – 100,000 (ค่าใช้จ่าย) – 69,000 = 631,000 บาท
- ฐานภาษีสูงสุดของนายเอคือ 15%
- นายเอซื้อประกันสะสมทรัพย์ จ่ายเบี้ยปีละ 75,000 บาท
ภาษีที่ประหยัดได้ = เบี้ยประกัน x อัตราภาษีสูงสุด 75,000 x 15% = 11,250 บาท
นายเอสามารถประหยัดภาษีไปได้ถึง 11,250 บาทต่อปี เพียงแค่เปลี่ยนที่เก็บเงินมาไว้ในประกันสะสมทรัพย์ ลองคำนวณด้วยตัวเอง
บทสรุปจากกูรู: ไม่มีประกันที่ดีที่สุด มีแต่ประกันที่ “เหมาะกับคุณที่สุด”
การเลือกประกันลดหย่อนภาษีไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวค่ะ แต่หัวใจสำคัญคือการเลือกให้สอดคล้องกับ เป้าหมายทางการเงิน, ไลฟ์สไตล์, และความสามารถในการชำระเบี้ย ของตัวคุณเอง
- First Jobber: เริ่มต้นด้วย ประกันสะสมทรัพย์ + ประกันสุขภาพ เพื่อสร้างเกราะป้องกันทางการเงินที่จำเป็น
- ผู้บริหาร/ผู้มีรายได้สูง: จัดเต็มทั้ง 3 ประเภท (ประกันชีวิต + ประกันสุขภาพ + ประกันบำนาญ) เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนให้ครบและสร้างความมั่งคั่งให้ครบทุกมิติ
สุดท้ายนี้ ปุนขอแนะนำให้ปรึกษาที่ปรึกษาการเงินหรือตัวแทนประกันชีวิตที่ไว้วางใจได้ เพื่อให้เห็นภาพรวมและเปรียบเทียบรายละเอียดของแต่ละกรมธรรม์อย่างชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุนเพื่ออนาคตของคุณนะคะ